วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เหตุผลที่คุณควรมีเซ็กซ์ตอนเช้า

เหตุผลการมีเซ็กซ์ตอนเช้า (Morning Sex) เป็นสิ่งที่ดี

วลาเช้าถือเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดของวัน ส่วนวันหยุดก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะนั่นคือเวลาเดียวที่คุณจะได้นอนตื่นสาย แต่ช้าก่อนค่ะ เรามีเหตุผลที่จะทำให้คุณเปลี่ยนใจมี Morning Sex...

เหตุผลที่คุณควรมีเซ็กซ์ตอนเช้า (Morning Sex)
แม้ว่าคุณอาจจมีเหตุผลร้อยแปดมาอ้างว่าทำไมคุณถึงไม่ควรมีเซ็กซ์ในตอนเช้า “มันต้องรีบ” บ้างล่ะ “ฉันนอนไม่พอ” บ้างล่ะ “โอ็ย…กลิ่นปากตอนเช้า แค่ดมก็หมดอารมณ์แล้ว!” แต่ผู้เชี่ยวชาญมีเหตุผลล้านแปดมาบอกว่าการมี sex ยามเช้านั้นมีผลดีต่อความสัมพันธ์ของคุณอย่างไร
ไหน ๆ ก็ “ขึ้น” มาแล้ว
คุณคงชินกับการที่น้องชาย “ลุกขึ้นเคารพธงชาติ” ในตอนเช้า และอาจรู้สึกรำคาญบ้างในบางครั้งเวลาที่มันไปทิ่มนู่นทิ่มนี่ในช่วงที่คุณกำลังงัวเงีย แต่ปรากฏการณ์ที่ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางชีวภาพที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศสัมพันธ์ระบุว่า ผู้ชายส่วนใหญ่จะรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศมากที่สุดในตอนเช้า
คุณผู้หญิงอาจจะถามว่า “แล้วไงคะ?” เรากำลังจะบอกคุณว่าเมื่อผู้ชายได้พักผ่อนเพียงพอและมีระดับฮอร์ไมนเทสโทสเตอโรนสูง เขาจะมีพลังในการมีเซ็กซ์มากขึ้น พลังงานจะทำให้เขาอึดขึ้น เลือดลมที่สูบฉีดไปยังน้องชายระหว่างคืนจะทำให้องคชาตขยายตัว ถ้าคุณยังรู้สึกเขินเพราะไม่มั่นใจในความเซ็กซี่ในยามเช้าของตัวเอง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คุณไปล้างหน้าล้างตาและทำตัวให้สดชื่นขึ้นเพื่อให้รู้สึกตื่นตัวและพร้อมมากขึ้น







วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ข้อมูลก่อนตัดสินใจ-สมัครเรียน-ป.บัณฑิต-วิชาชีพครู

                       สมัครสอบเข้าเรียน ป.บัณฑิตขณะนี้ จะบอกว่า อย่าเพิ่งไป วันหน้าเกิดได้สิทธิ์กันขึ้นมาจะมาโทษแอดมินว่าไม่ให้ไปสมัครอีก เอาเป็นว่า แอดมินให้ข้อมูล แล้วท่านตัดสินใจกันเองนะคะ
        1 คุรุสภายังไม่ได้ประกาศรับรองรายชื่อสถาบันผลิตที่หน้าเว็บไซต์ แต่อนุญาตให้โทรไปถามที่สำนักมาตรฐานวิชาชีพได้ 02 304 9899 ในวันและเวลาราชการ
        2 คุรุสภายังไม่ได้ประกาศรับรองโครงการของต้นสังกัดใดที่หน้าเว็บไซต์ (กระบวนการสำรวจรายชื่อครูอยู่ที่โครงการก่อนส่งคุรุสภา เป็นเรื่องของต้นสังกัดทำเอง )
        3 หนังสืออนุญาตให้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ที่จะใช้สมัครเข้าเรียน มีกำหนดวันเดือนปี คุรุสภายังไม่มีประกาศ แต่มีความเข้าใจแพร่หลายกันแล้วว่าอนุญาตไม่เกินวันที่ 19 มีนาคม 2558
        4 ผู้มีสิทธิ์เรียน คือ ครูผู้สอน ที่ถือหนังสืออนุญาตให้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตามกำหนดเวลาที่คุรุสภากำหนด และมีรายชื่อจากต้นสังกัด
       5 ท่านที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูอยู่แล้ว เรียนได้หรือไม่ เรียนได้ค่ะ
       6 ท่านรู้ว่าท่านไม่มีคุณสมบัติในการเรียน ก็อย่าหลงเชื่อใครที่บอกว่าสมัครได้มาสมัครได้เลย แล้วจะดูแลให้ โดยที่เขาจะสร้างเอกสารให้ท่านเพื่อเข้าเรียนได้ โปรดรู้ว่าเรียนได้ แต่เรียนจบแล้วถึงเวลาขึ้นทะเบียน คุรุสภามีกระบวนการตรวจสอบได้ว่าท่านไม่มีสิทธิเรียน หากท่านคิดว่าคุรุสภาตรวจสอบไม่ได้ ลองเสียเวลาซักปีครึ่งเรียนดูก็ได้ค่ะว่าจริงมั๊ย?
       7 ย้ำว่า "ครูผู้สอน" เท่านั้นที่มีสิทธิ์เรียน คุณเป็นครูผู้สอนหรือไม่ย่อมรู้ตัวเองตั้งแต่ทำสัญญาจ้าง กรุณาอย่าบ่นว่าทำไมไม่ให้สิทธิ ธุรการ พี่เลี้ยงเด็ก ผู้ดูแลเด็ก ฯ สัญญาจ้างต้องเป็นสาย "ครูผู้สอน" เท่านั้น ทำงานในโรงเรียน ไม่ได้หมายความว่าเป็นครูผู้สอนทุกคน ส่วนท่านจะไปสอนนอกเหนือสัญญาจ้าง อันนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างท่านกับโรงเรียนนะคะ
      8. อย่าเรียกร้องว่าท่านเสียสิทธิ์ไม่ได้เรียน ป.บัณฑิตนี้ เพราะช่องทางนี้ มีให้สำหรับ "หน่วยผู้ใช้ครู" ที่จำเป็นจะต้องใช้ครูในกรณีที่ไม่สามารถหาครูได้ อย่ามองเพียงโรงเรียนของท่าน คุรุสภาดูแลทุกสังกัด เฉพาะ สพฐ. ก็สามหมื่นกว่าโรงเรียน ความขาดแคลนย่อมไม่เหมือนกัน หน่วยผู้ใช้ครูเขาจำเป็นต้องใช้ครู เขาจะทำโครงการขอรับรองเพื่อส่งครูของเขาไปเรียนเอง คุรุสภาจะไม่ทราบว่า หน่วยผู้ใช้ครูจำเป็นหรือไม่จำเป็น
       9. ดังนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของหน่วยผู้ใช้ครูที่จะทำให้เกิดขึ้นหรือไม่? ท่านเป็นครูผู้สอนสังกัดใดก็สอบถามต้นสังกัดตนเองเท่านั้น แล้วหน่วยผู้ใช้ครูจะประสานกับคุรุสภาเอง เว้นเสียแต่ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยผู้ใช้ครูไม่ทราบถึงเรื่องนี้ ท่านสามารถสอบถามถึงวิธีการปฏิบัติเพื่อแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ในหน่วยผู้ใช้ครูต่อไป.
เพิ่มเติม ข้อที่ 10 สำรวจตนเองก่อนเข้าเรียนว่า วิชาเอกที่ตนเองมี สามารถสมัครสอบบรรจุได้หรือไม่ เพื่อจะได้ตัดสินใจว่าไปเรียน ป.ตรีทางการศึกษา

ปัญหาครูไทยปัจจุบัน

ปัญหาครูไทย.. (เมื่อไหร่) ใครจะสะสาง

ปัญหาครูไทย.. (เมื่อไหร่)  ใครจะสะสาง?
        "นั่งห้องแอร์ แต่วางแผนทำนา" ในยุคหนึ่งประโยคนี้เคยใช้อธิบายถึงปัญหาในระดับบริหารของระบบการศึกษาไทย เป็นที่รู้กันดีว่า “กระทรวงศึกษาธิการ” เป็นหนึ่งในกระทรวงที่ได้รับงบประมาณในแต่ละปีมากที่สุด แต่คุณภาพการศึกษาของไทยยังคงเป็นสิ่งที่หลายๆ คนตั้งคำถาม เช่นเดียวกันกับ “ครู” บุคลากรสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จของระบบการศึกษา แต่ปัญหาและคุณภาพของครูยังคงเป็นหนึ่งในสิ่งที่สังคมตั้งคำถามมาในทุกยุคสมัย...
       
       ตั๋วครู อาจไม่ได้ชี้วัดความเป็น “ครู” 
       การขาดแคลนครูเป็นหนึ่งในอุปสรรคของวงการศึกษาไทย ความพยายามในการพัฒนาครูผู้สอนด้วยการเพิ่มความเข้มข้นของหลักสูตร และการกระจายสถาบันผลิตครู ถือเป็นความหวังในการยกระดับครูผู้สอนและลดปัญหาด้านการขาดแคลนครูในปัจจุบัน ครั้งหนึ่งบอร์ดคุรุสภา เคยเสนอให้ปรับเกณฑ์ใบอนุญาตชั่วคราว เพื่อเอื้อให้แก่บัณฑิตในทุกสาขาสามารถได้ใบประกอบวิชาชีพหรือตั๋วครู เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู แต่ปัจจุบันกลับพบว่ามีหลายสถาบันการศึกษาที่ผลิตครู แต่กลับยังไม่ได้รับการรับรองจากคุรุสภา! และหากมองเจาะลึกถึงปัญหาครูไทยจะพบถึงสาเหตุอีกหลายอย่างที่ควรต้องมีการแก้ไขเช่นกัน
       
       เกี่ยวกับประเด็นนี้ นายมารุต ครูอาสาท่านหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นไว้อย่างน่าฟังว่า “ทั้งๆ ที่เมืองไทยขาดแคลนครู แต่การรับรองและออกใบวิชาชีพครูกลับเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเย็น มีครูอาสาบางส่วน และรวมทั้งตัวผมเองด้วยที่ต้องกลายเป็น “ครูเถื่อน” เพราะไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู ที่จริงแล้วคำว่าครูยิ่งใหญ่มาก ผมเป็นอีกคนที่ไม่ได้จบสายครู และไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู แต่เป็นครูเพราะใจรัก เพราะเคยฝันว่าอยากจะเป็น ผมละอายใจเวลาที่ใครต่อใครเรียกว่าผมครู เพราะมันเป็นคำที่มีความหมายและการรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง แต่ผมยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเรียกว่าครูได้ ไม่อยากรับคำนั้นด้วยซ้ำ แต่ด้วยสถานนะการทำงาน จึงต้องสวมหน้ากาก ใส่หัวโขน และจิตวิญญาณความเป็นครูลงไป”
       
       “ปัญหาที่มาทั้งหลายเกิดจากการที่ระบบราชการครู ที่ต้องให้ครูทำผลงานวิชาการ เพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือน ให้ได้ค่านั่น ค่านี่ เข้ามาในเงินเดือน ทำให้ครูทั้งหลายลืมบทบาท และหน้าที่ความเป็นครูของตนเองไป ครูอาสาฯ หรือครูดอยที่สังกัด กศน.ไม่ได้เป็นข้าราชการ เป็นเพียงพนักงานของรัฐ ต่างก็พยายามที่จะสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู เพราะสวัสดิการต่าง ๆ ดีกว่า ครูดอยที่มีใบประกอบวิชาชีพครูส่วนใหญ่ จึงทำงานสอนเพื่อรอสอบบรรจุ เป็นข้าราชการครูสังกัด สพฐ, สพท.หากในความเป็นจริงแล้วครูเหล่านี้กลับมีจิตวิญญาณความเป็นครูมากกว่าครูที่มีใบประกอบวิชาชีพหลายๆ คนด้วยซ้ำ”
       
       “เรื่องการขาดแคลนใบประกอบวิชาชีพครู เป็นหนึ่งในปัญหาของการผลิตบุคลากรครู ปัจจุบันหลายสถาบันมีความพยายามในการเพิ่มบุคลากรครู แต่กลับยังไม่ได้ใบรับรอง ที่ผ่านมาพบว่าครูผู้สอนในสาขาวิชาสำคัญๆ เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษา เป็นต้น มักขาดแคลน แม้จะมีความพยายามในการพัฒนาวิชาชีพครูแต่การพัฒนาครูกลับมีการถูกมองว่ายังคงไม่มีความชัดเจนทางนโยบายในการที่จะสนับสนุนให้ผู้สำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาที่ตรงกับเนื้อหาสาระ เช่น บัณฑิตทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษา ให้หันเข้ามาหาวิชาชีพครู” เลขาธิการ ก.ค.ส. กล่าวเสริม 
ปัญหาครูไทย.. (เมื่อไหร่)  ใครจะสะสาง?
        ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ได้สำรวจความเห็นของครูสอนดี จำนวน 210 คน กลุ่มตัวอย่างกระจายใน 4 ภูมิภาคของประเทศ เพื่อสอบถามถึงปัจจัยที่เป็นอุปสรรคของการทำหน้าที่ครูและแนวทางการส่งเสริมครูให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น ผลการสำรวจพบ 6 ปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรค ประกอบด้วย
       
       1)ภาระหนักนอกเหนือจากการสอน 22.93%
       2)จำนวนครูไม่เพียงพอ สอนไม่ตรงกับวุฒิ 18.57%
       3)ขาดทักษะด้านไอซีที 16.8%
       4)ครูรุ่นใหม่ขาดจิตวิญญาณ ขณะที่ครูรุ่นเก่าไม่ปรับตัว 16.49%
       5)ครูสอนหนัก ส่งผลให้เด็กเรียนมากขึ้น 14.33%
       6)ขาดอิสระในการจัดการเรียนการสอน 10.88%
       ดังจะเห็นได้ว่า ปัจจัยฉุดรั้งการทำงานของครูไทยนั้นมีทั้งปัจจัยที่มาจากครูผู้สอน และปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยส่งเสริมที่ครูต้องการพบว่า 39% เป็นปัจจัยเพื่อการพัฒนากระบวนการสอนเพื่อถ่ายทอดความรู้แก่ศิษย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันสะท้อนให้ถึงจิตวิญญาณของความเป็นครู
       
       คนรุ่นใหม่ฮิตเรียนครู แต่อยากเป็นติวเตอร์
       เป็นความจริงที่ว่าอาชีพครู เคยเป็นความใฝ่ฝันลำดับท้ายๆ ของเด็กรุ่นใหม่ ด้วยภาระความรับผิดชอบในหน้าที่สูง และภาพลักษณ์ของความยากลำบากของอาชีพเรือจ้าง ทั้งหมดนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลถึงภาพพจน์และความนิยมในการเข้าศึกษาในสาขาวิชาครู แต่จากข้อมูลในหลายปีหลังกลับขัดแย้งกัน เพราะพบว่า จำนวนเด็กที่เลือกเรียนครูกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อพิจารณาแล้วกลับพบว่าเด็กเหล่านี้มีเพียงส่วนหนึ่งที่จบออกมาเป็นครูในระบบตามที่ร่ำเรียนมา หากบัณฑิตครูระดับหัวกะทิ กลับนิยมไปเป็นติวเตอร์ตามโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ มากขึ้น รวมถึงครูบางส่วนยังเลือกที่จะเปิดโรงเรียนกวดวิชาควบคู่กันไป เนื่องจากสร้างรายได้ที่มากกว่า
       ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยทั้งหมดว่า ล้วนมีผลต่อวิชาชีพครู และต่อภาพลักษณ์ของครูอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น นอกจากการส่งเสริมและพัฒนาครูแล้วนั้น ครูก็ควรจะมีความกดดันในการดำรงชีพน้อยลง ด้วยการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาส่งเสริมและยกระดับวิชาชีพครูให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงหาแนวทางในการลดภาระครูและส่งเสริมอัตราเงินเดือนเพื่อเป็นแรงจูงใจในการผลิตครูรุ่นใหม่ เป็นต้น เพื่อให้การพัฒนาการศึกษาของเด็กไทยมีศักยภาพเพิ่มขึ้นต่อไป
       อย่างไรก็ตามจากผลการสำรวจ เรื่อง “ภาพสะท้อนครูไทยในสายตาศิษย์” ของศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ศิษย์เห็นว่าครูในปัจจุบันควรปรับปรุงแก้ไขมากที่สุดอันดับแรก คือ เรื่องเทคนิคการสอน จากผลสำรวจดังกล่าว ได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ทำให้เด็กในปัจจุบันต้องเรียนเสริมนอกเวลากันอย่างหนักหน่วง การเรียนในระบบเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอแล้วในปัจจุบัน หรือครูผู้สอนทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ คำถามต่างๆ เหล่านี้ อาจทำให้ต้องมีการทบทวนในเรื่องเทคนิควิธีการสอน และการถ่ายทอดวิชาความรู้ของครู 
ปัญหาครูไทย.. (เมื่อไหร่)  ใครจะสะสาง?
        อย่างไรก็ตาม หากมองถึงโครงสร้างเงินเดือนครูในระบบราชการ กล่าวได้ว่าฐานเงินเดือนครูปัจจุบันนั้นมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก หากเด็กรุ่นใหม่บางคนก็ยังมองว่าหากไปประกอบอาชีพอื่นจะมีรายได้มากกว่า การเพิ่มแรงจูงใจด้านรายได้เพื่อแข่งขันกับโรงเรียนนอกระบบ จึงอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมทั้งหมด จึงอาจมีความจำเป็นที่ต้องมองข้ามปัญหาการรักษาครูบางส่วนไป เพราะอย่างไรแล้วเด็กกลุ่มหนึ่งก็ยังเลือกที่จะไปเป็นติวเตอร์ รับสอนพิเศษ หรือเปิดโรงเรียนกวดวิชาอยู่เช่นเคย
       
       “การที่เด็กต่างแห่กันไปเรียนพิเศษกับสถาบันกวดวิชา ส่วนหนึ่งก็เพราะครูหรืออาจารย์ที่สอนตามโรงเรียนกวดวิชานั้นมีเทคนิคการสอนที่สนุกและเข้าใจง่ายกว่า ขณะที่ครูในระบบบางคนยังคงมีวิธีการสอนแบบโบราณ ขาดทักษะการสื่อสาร ซึ่งอาจเกิดจากขาดการพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันโลก ครูยุคใหม่จึงจำเป็นที่ต้องพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งเรายังต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งของปัญหานี้ก็เพราะระบบที่ไม่เอื้อในการรักษาและจูงใจครูรุ่นใหม่ที่มีความสามารถไว้ได้ เมื่อเทียบกับสถาบันติวเตอร์ต่างๆ ที่ให้อิสระในการสอนและมอบผลตอบแทนที่ดีกว่า” เจ้าหน้าที่จาก ก.ค.ศ. กล่าวให้ข้อมูล
       
       “แต่ทั้งนี้ การที่จะรั้งครูเก่งๆ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันไว้ได้นั้น เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เด็กรุ่นใหม่นิยมเรียนครูเพิ่มมาก แต่คุณภาพของครูกลับเป็นสิ่งที่สวนทางกัน เป็นผลทำให้เด็กแห่ไปเรียนพิเศษกันมาก ต่างจากสมัยก่อน เพราะเด็กมีความเชื่อว่าครูที่สอนในโรงเรียนกวดวิชาเก่งกว่า สอนเข้าใจง่ายกว่า เด็กเก่งๆ เดี๋ยวนี้ก็เลือกที่จะเป็นติวเตอร์กันมากขึ้น ดังนั้นภาพสะท้อนที่ว่า เด็กไทยเรียนครูมากขึ้น จึงอาจเป็นเพียงภาพสะท้อนที่ไม่ได้ฉายภาพของปัญหาทั้งหมด”
       
       เพิ่มเงินเดือนครู เพิ่มคุณภาพการศึกษาจริงหรือ
       เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจ และเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรครู ส่งผลให้มีการเพิ่มเงินเดือนครูเมื่อปี 2554 ทำให้ครูในยุคปัจจุบันมีรายได้สูงกว่าครูยุคก่อนมาก จนทำให้สัดส่วนการขึ้นเงินเดือนครูสูงกว่าข้าราช การฯ อุดมศึกษา รศ.จิระพันธ์ ห้วยแสน ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า จากการเปลี่ยนระบบราชการจากซี มาเป็นแท่ง หลังการปฏิรูประบบราชการในปี พ.ศ. 2545 ได้มีการยุบรวมกรมต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้ สำนักงาน ก.ค. ถูกยุบรวมเป็น สำนักงาน ก.ค.ศ. (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา) ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงฯ
       
       “เมื่อพิจารณาการปรับเงินเดือนระหว่างข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากับข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พบว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาปรับเงินเดือนขึ้น 8% ก่อนที่จะเปลี่ยนจากระบบซีมาเป็นแท่ง แต่ข้าราชการฯ อุดมศึกษาไม่ได้ปรับ ในการขึ้นเงินเดือนเมื่อ 1 เมษายน 2554 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีฐานเงินเดือนที่สูงกว่าพวกข้าราชการฯ อุดมศึกษา สัดส่วนการขึ้นเงินเดือนจึงสูงกว่าข้าราชการฯ อุดมศึกษา เมื่อรัฐบาลปรับขึ้นเงินเดือน 5% ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งมีฐานเงินเดือนมากกว่าข้าราชการฯ อุดมศึกษาย่อมมีสัดส่วนการเงินเดือนสูงกว่าข้าราชการฯ อุดมศึกษา”
       
       นอกจากการเปรียบเทียบผลประโยชน์ระหว่างครูและอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้ว ในปี 2555 ที่ผ่านมาคณะวิจัยทีดีอาร์ไอซึ่งนำโดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ยังประเมินว่าเงินเดือนครูขึ้นมาก รายได้ต่อเดือนของครูที่มีวุฒิการศึกษาปริญญาตรีและสอนในโรงเรียนรัฐก็เพิ่มสูงขึ้นจากประมาณ 15,000 บาท ในปี 2544 เป็นประมาณ 24,000-25,000 บาท ในปี 2553 นอกจากนี้ แนวโน้มเงินเดือนของครูที่ผ่านมานั้นเพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่า จนปัจจุบันเงินเดือนครูสูงกว่าเงินเดือนอาจารย์มหาวิทยาลัย ดังนั้น หากระบบยังเป็นเช่นนี้อยู่ เงินเดือนครูจะสูงกว่าแทบทุกอาชีพ 
       

เซ็กส์ดีๆ เพื่อความสมบูรณ์ของชีวิตคู่

เซ็กส์ดีๆ เพื่อความสมบูรณ์ของชีวิตคู่


 

    เซ็กส์ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับครอบครัว คนรักกัน และเซ็กส์ก็เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคู่ เมื่อเรามีความรัก ความปราถนาซึ่งกันและกันเราจึงมีเซ็กส์แต่จะทำมันยังให้สมบูรณ์แบบ

     สิ่งหนึ่งที่เราต้องการนอกจากความรัก ความเอาใจใส่แล้ว ที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องเซ็กส์ หรือเพศสัมพันธ์

          ผมเคยคุยเล่นๆ กับเพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง ซึ่งมีครอบครัวที่แสนน่ารักอบอุ่น ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเกือบ 25 ปีว่า อะไรสำคัญที่สุดในชีวิตการครองคู่เป็นสามีภรรยา เมื่อวัยหนุ่มสาวแต่งงานกันใหม่ๆ สิ่งที่เราสนใจใฝ่หาจากกันก็คือเรื่องเซ็กส์นี่แหละ หลายคนอาจจะแอบเถียงอยู่ในใจว่า ไม่เสมอไปหรอกบางคนต้องการแค่เพื่อนคู่คิดเท่านั้นเอง คำพูดนี้ผมจะไม่เถียงเลย ถ้าเป็นคู่แต่งงานที่เป็นผู้สูงอายุ หรืออยู่ในวัยที่หมดอารมณ์ทางเพศแล้ว การแต่งงานกันของคนวัยเจริญพันธุ์นั้น อย่างหนึ่งก็คือการสืบพันธุ์ เพื่อให้มีเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อไปในอนาคต ซึ่งก็ต้องผ่านการมีเพศสัมพันธ์

     เขาว่ากันว่าการมีเซ็กส์นั้นช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรง มีชีวิตที่ยืนยาวจริงหรือเปล่า?

          ข้อแรก คือ ต้องถามก่อนว่ามีเซ็กส์กับใคร ถ้าเป็นคู่รัก คือคนที่คุณรักล่ะก็ อันนี้ตอบได้เลยว่าจริง เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะเมื่อเรารักใครสักคน การที่จะมีจิตพิศวาสมีความใคร่นั้นมันทำได้ดีกว่าการมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้า ที่ไม่รู้ว่าจะไว้ใจได้หรือเปล่าเป็นไหนๆ เลิกกังวลเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เลย (ยกเว้นคุณไปพลีกายนอกบ้านให้คนอื่นๆ มา) เลิกกังวลกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เดี๋ยวขัดศีลธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี เพราะเรามีเซ็กส์กับสามีภรรยาของเราเอง ใครก็ว่าเราไม่ได้ จริงไหม

          ข้อสอง คือ เซ็กส์ครั้งนั้น เป็นไปด้วยความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่ายหรือเปล่า? ถ้าใช่ละก็เท่ากับว่าเซ็กส์ครั้งนั้นก็ประสบความสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะการมีเพศสัมพันธ์ ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขออกมา ช่วยให้อารมณ์ดี จิตใจแจ่มใส เกิดความผ่อนคลาย หายเครียด ทำให้นอนหลับฝันดี ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพ ดี กระชุ่มกระชวย รู้สึกเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ตลอดเวลา

          ข้อสาม คือ ร่างกายพร้อมหรือเปล่า? ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับว่า บางคนนี่จะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอย่างไรก็ได้ แต่อย่างไรสถิติต้องไม่ตก บางคนหลงเข้าใจผิดว่าการที่จะเอาใจสามีหรือภรรยาได้ดีที่สุดก็คือ ต้องมีเซ็กส์ทุกครั้งที่เขาหรือเธอต้องการ นั่นเป็นเจตนาดีและประสงค์ร้ายต่อตัวเองนะครับ เพราะการมีเซ็กส์ในแต่ละครั้งนั้น เราต้องการใช้พลังงานมากพอๆ กับการออกกำลังกายเลยทีเดียว แล้วคิดดูนะครับว่าการฝืนใจมีเซ็กส์แบบนั้นมันเหมือนกับการทำงานส่งให้เสร็จๆ ได้แต่ปริมาณ ไม่ได้คุณภาพ ไม่สุขอย่างเต็มที่ สารแห่งความสุขก็จะไม่หลั่ง แทนที่จะหนุ่มสาว กลับจะกลายเป็นแก่เร็วไปนะครับ

          ถ้าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องเซ็กส์ในชีวิตคู่ ลองนำทั้งสามข้อที่กล่าวมานั้นไปเป็นหลักปฏิบัติในการมีเซ็กส์ของคุณนะครับ แล้วคุณจะพบกับผลที่แตกต่างจากเดิมอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว แต่ที่สำคัญคือคุณก็ต้องคุยกับคู่ของคุณด้วย ให้เป็นไปโดยที่ทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมใจกัน ลองนั่งคุยกันแบบเปิดอกเสียที เป็นของกันและกันไปแล้ว ก็เหมือนคนที่สนิทที่สุดในชีวิต ใครชอบอะไรไม่ชอบอะไรในเรื่องเซ็กส์ คุยกันได้ เพื่อความสุขในชีวิตคู่นะ

     แล้วถ้ามีเซ็กส์บ่อยๆ จะมีปัญหาตามมาหรือไม่?

          บางครั้งการขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ ก็เป็นบ่อเกิดของปัญหาเรื่องเซ็กส์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางครั้งการไม่กล้าถาม ไม่กล้าปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ก็กลายเป็นว่าต้องไปศึกษาด้วยตนเอง ผิดบ้างถูกบ้างก็ว่ากันไป ทีนี้ลองมาดูกันว่าปัญหาที่(คิดเอาเอง) ตามมาจากการมีเซ็กส์บ่อยๆ มีอะไรบ้าง


     ข้อแรก

          คือ ส่วนมากคุณผู้หญิง มักจะกังวลว่า เมื่อมีเซ็กส์บ่อยๆ จะทำให้ช่องคลอดหลวม ส่งผลให้คุณสามีเบื่อและอาจจะพาลไปมีกิ๊กนอกบ้านได้ (ถ้าเขาไปมีกิ๊กละก็เขาก็ไม่รักคุณแล้วล่ะ) คำถามข้อนี้มีคำตอบคือ จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะหมดหนทางแก้ไขเสียดีเดียวนะครับ อันที่จริงแล้วลักษณะของช่องคลอดนั้นเป็นกล้ามเนื้อครับ อีกทั้งมีความแข็งแรงมาก ถึงขนาดกลายเป็นจุดขายในการโชว์เป่าลูกดอก เปิดขวด ฯลฯ ที่บาร์อะโกโก้ ชอบชี้ชวนให้คนไปดู แสดงให้เห็นว่า หลวมได้ก็คับได้เหมือนกัน

          ทางการแพทย์เลยได้มีวิธีการออกกำลังกายที่ช่วยให้ช่องคลอดกระชับด้วยวิธีง่ายๆ ไม่เสียเงิน ไม่เจ็บตัว นั่นคือการ ขมิบ คุณจะทำที่ไหนเมื่อไรก็ได้ไม่มีใครห้าม เพราะมันอยู่ในร่มผ้าไม่มีใครรู้ใครเห็น วันละ 10 ครั้ง 100 ครั้ง 1,000 ครั้ง หรือมากกว่าก็ไม่ผิดกติกาถ้าไหวละก็ โดยแต่ละครั้งควรขมิบค้างไว้สักนับ 10 วินาที (อย่าโกงนะครับ) นอกจากจะช่วยให้ช่องคลอดกระชับแล้ว เคยมีรายงานวิจัยพบว่ายังช่วยให้ผู้หญิงเองถึงจุดสุดยอดได้ง่ายด้วย ขยันมากเท่าไหร่ก็ได้ผลดีมากเท่านั้น

     ข้อสอง

          คือ กังวลว่าการมีเซ็กส์บ่อย ๆ จะทำให้กลายเป็น คนติดเซ็กส์ คนบ้าเซ็กส์ คนบ้ากาม ล้วนแต่เป็นคำเหน็บแนมที่หาสาระอะไรไม่ได้ ดังนั้นอย่าหลงเชื่อเป็นอันขาด บางครั้งการหยอกล้อกันในเพื่อนฝูงเมื่อใครมีทีท่าสนใจเรื่องเซ็กส์ว่าเป็นคนบ้าเซ็กส์ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาก็ได้ ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนนะครับว่า อย่างไรคือคนติดเซ็กส์ คนติดเซ็กส์นั้นคือคนที่เห็นกิจกรรมทางเพศสำคัญที่สุดในชีวิต ขาดไม่ได้ ต้องตายแน่ๆ ส่งผลให้วันๆ เอาแต่คิดเรื่องเซ็กส์ จะเป็นแบบมีเซ็กส์กับคนอื่นๆ ทั้งแบบตัวต่อตัว หรือแบบหมู่ หรือการช่วยตัวเอง การดูสื่อลามกต่างๆ อย่างมากผิดปกติ ทำให้ในที่สุดชีวิตส่วนตัว สังคม และการงานเสียหาย นั่นคือคนติดเซ็กส์ เป็นปัญหากับตนเองที่ควรได้รับการแก้ไขเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าคุณไม่เข้าข่ายเหล่านี้ ก็มีไปเถอะครับ มากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ทั้งคุณและคู่ของคุณยังไหวอยู่ แต่ขอให้เน้นที่คุณภาพนิดนึงนะครับ ไม่ใช่ปริมาณ

     ข้อสาม

          อันนี้คุณผู้ชายอาจเคยได้ยินมาบ้าง จะทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นการโดนหลอกที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นเลย เพราะบางครั้งผู้ใหญ่ก็ไม่อยากให้เด็กชิงสุกก่อนห่าม แต่กลายเป็นว่าห่ามแล้วก็ยังเชื่อที่โดนหลอกอยู่ดี บ้างก็ว่ากระสุนจะหมด ทำให้มีลูกยาก ซึ่งไม่เป็นความจริงอะไรทั้งนั้นแหละครับ เรื่องที่จะเสื่อมหรือไม่เสื่อมนั้นสิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่าคุณใช้งานแล้วดูแลมันดีพอหรือเปล่าต่างหาก ร่างกายคนเรานั้นใช้งานหักโหมเกินไป แล้วถ้าไม่บำรุงรักษาก็มีแต่พังกับพังครับ สมรรถภาพทางเพศจะดีได้นั้นก็ต่อเมื่อร่างกายและจิตใจของคนคนนั้นต้องดีด้วย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ครบ 5 หมู่ ทำจิตใจให้ปลอดโปร่งโล่งสบาย ง่ายๆ แค่นี้เองครับ

     ข้อสี่

          คือ คุณผู้หญิง หลายๆ ท่านอาจจะเคยทราบมาบ้างแล้วว่า เมื่อท่านมีเพศสัมพันธ์แล้วนั้น สิ่งที่ควรจะทำเป็นประจำทุกปีคือการไปตรวจมะเร็งปากมดลูก ซึ่งตรงนี้เองทำให้เกิดความเชื่ออีกอย่าง คือการมีเซ็กส์บ่อยๆ ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก อันนี้ก็ก้ำกึ่งนะครับ เพราะไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป แต่ผมมีข้อเสนอครับว่า ไม่ว่าคุณจะมีเซ็กส์มากน้อยแค่ไหน ถ้าคุณมีกับคู่ของคุณคนเดียว ไม่ไปรักสนุกมีคู่นอนมากหน้าหลายตา (โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย) และคุณทั้งคู่รักษาอนามัยของอวัยวะเพศ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบ ก็จะลดโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกลงได้อย่างมาก การใช้ถุงยางอนามัยก็ช่วยลดอัตราเสี่ยงได้ด้วยเหมือนกัน

          การมีเซ็กส์บ่อยหรือไม่บ่อยนั้น จำนวนคงไม่ใช่ตัวที่จะมาตัดสินได้อย่างแม่นยำ ถูกต้องเสียทีเดียว ความพึงพอใจทางเพศต่างหากที่จะเป็นตัววัดว่า คุณจะอยากมีเซ็กส์มากน้อยเท่าไหร่ และเมื่อคุณรู้สึกว่าเกิดปัญหา หรือข้อสงสัยขึ้น เมื่อปรึกษากันเองแล้วไม่ได้คำตอบที่พึงพอใจ สิ่งที่ง่ายกว่าการลองผิดลองถูกก็คือ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ ความสามารถ เพื่อให้ได้คำตอบและแนวทางการแก้ไขที่ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องหวาดผวากับความรู้ผิดๆ ถูกๆ ของตัวเองไปชั่วชีวิต

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559